เที่ยวอุดรธานี – บึงกาฬ – หนองคาย (ตอน 3)
Ep.3 หินนาคา หรือ หินกินรีนาคา เมืองบังบด Unseen น้องใหม่
กลับมา จ. บึงกาฬ อีกครั้งคะ หากระดับความเหนื่อยของการขึ้นถ้ำนาคาคือระดับทีมชาติ ที่หินนาคานี่เป็นทีมสมัครเล่น อย่างสาวออฟฟิตที่ไม่เคยออกกำลังกายเลยก็สามารถผ่านด่านได้ ใช้เวลาขึ้นลงประมานสองชั่วโมงเศษ เป็นทางเลือกของท่านที่ไม่อยากเหนื่อยจนเกินไปและชอบถ่ายรูปสวยๆหลายๆมุม ทาง จ.บึงกาฬ ยังไม่โปรโมทที่นี่อยางเป็นทางการเพราะรอให้กระแสของถ้ำนาคาแผ่วลงก่อน เพื่อที่จะดึงนักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยว จ.บึงกาฬ อีกครั้ง นับเป็นการวางแผนระยะยาว อย่างมีกลยุทธ์กันเลยทีเดียว
หินนาคา เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูลังดา คนท้องถิ่นเชื่อว่าบริเวณภูลังกานี้เป็นเมืองบังบด หรือเมืองลับแลนั่นเอง จุดทางขึ้นชมอยู่ไม่ไกลจากทางขึ้นถ้ำนาคาเท่าไร และที่จุดขึ้นก็มีน้องอาสาท้องถิ่นที่ชำนาญทาง พาขึ้นไปเช่นกัน ที่นี่ไม่ต้องใช้ใบฉีดวัคซีนในการลงทะเบียนเหมือนการจองคิวขึ้นถ้ำนาคาเนื่องจากคนยังไม่ค่อยรู้จัก ตอนที่ทางเราไปสำรวจแทบไม่เจอใครเลยไม่ต้องห่วงเรื่องเว้นระยะห่าง เพราะคนแห่ขึ้นถ้ำนาคากันหมด เลยได้รูปแบบสวยๆ ไร้ผู้คนมาให้ชมกันคะ
ก่อนเดินขึ้นจะพบรูปปั้นฤษีที่เป็นเสมือนเจ้าที่ของที่นี่ ให้เรากราบขอให้เดินทางขึ้นไปชมโดยราบรื่นและขอขมาหากพลาดพลั้งบล่วงเกินอันใดไป
เดินขึ้นไปจุดแรกที่พักเหนื่อยจะพบเศรียรนาคารูปนี้คะ ระหว่างปีนขึ้นบางจุดมีบันไดให้ขึ้นบางจุดก็ต้องใช่เชือกช่วยปีนขึ้นสลับกันไป
ที่นี่ทีจุด Highlight หลายจุด เช่น รังใข่พญานาค, หินเกล็ดนาคา, หินบาตรคว่ำ , นาคาองค์ดำ, น้ำคก, หินโลมา เป็นต้น น้ำตก และหินโลมานี่ต้องมาหน้าฝนถึงจะสวยเพราะจะมีจะใคร่สีเขียวเกาะตามก้อนหิน เรียกได้ว่าหน้าฝนหรือหนาวก้อเสวยจ้า
ทางลงจะดินง่ายและลงมาคนละจุดกับทางขึ้น ลงมาจะเจอถนนซึ่งสามารถให้รถมารอรับขึ้นรถได้เลย สะดวกและพอได้เหงื่อ ได้รูปสวยๆกลับมาด้วยมากมายคะ
unseen 2 พญานาคเล่นน้ำ อีกแห่งที่ไม่ไกลจากภูลังกาเท่าไร และรถไม่เข้าไปถึงเลยไม่ต้องเดินอะไรกันมาก แบบว่า สว. ก็ไปได้ คือที่ สำนักสงฆ์ห้วยหินแกบ อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ที่นี่จะมีหินก้อนเดียวที่มีลักษณะยาวคล้ายพญานาค อยู่ในน้ำ ดูแปลกตา ให้ชมกันและมีสะพานเหล็กเล็กให้เดินไปถ่ายภาพกันอย่างใกล้ชิด จากตำนานท้องถิ่นเล่าว่า พญานาคา ได้มาเข้าฝันพระสงฆ์รูปนึงว่าองค์นาคาว่ายน้ำมาติดอยู่ที่แอ่งน้ำนี้ พระรูปนั้นได้เดินมาสำรวจถึงได้พบกับหินรูปร่างแปลกตาคล้ายกับนาคาติดอยู่ในแอ่งน้ำแคบๆที่นี่ เลยเป็นที่มาของพญานาคเล่นน้ำ ณ ตรงนี้
unseen แห่งสุดท้าย ของ จ.บึงกาฬ ที่นำมาฝากท่านสมาชิก คือที่วัดถ้ำศรีพรหม ตั้งอยู่บนภูวัว อ.บึงโขงหลง ทางเข้าจะผ่านสวนยางพาราของเอกชนและต้องเดินทางราบไปประมาน 500 -700 เมตร จะถึงในส่วนที่เป็นเขตอุทยานฯ ภูวัวซึ่งจะเริ่มปีนขึ้นจากตรงนั้น ที่นี่มีน้องอาสาที่เป็นคนท้องถิ่นนำทางไปเช่นกัน ก่อนขึ้นผ่านเห็นมีกองขี้ช้างสดๆอยู่ น้องอาสาบอกว่าเป็นของช้างป่าที่เพิ่งจากไป คลาดกันนิสเดียว ทางขึ้นไม่ลำบากมากเท่าไรเพียงแต่บางจุดต้องมีการใช้เชือกปีนขึ้น
จุดเด่นของที่นี่คือรูป เป็นเศียรนาคาที่ถือว่าใหญ่ที่สุด ตำแห่งของที่ตั้งก้อประจวบเหมาะกับช่องแสงที่ลอดลงมาเหมือนมี spot light สองให้ชมกันโดยเฉพาะ ถ่ายรูปออกมาสวยมาก ที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบ และเคยเป็นที่ปฎิบัติธรรมของพระธุดงหลายรูป น้องไกด์บอดว่าด้านบนจากจุดของเศียรนาคา มีจุดชมวิวสวยมากแต่เสียดายที่เรามาถึงค่อนข้างเย็นแล้ว ซึ่งที่นี่จะเริ่มมืดเลยไม่ได้ขึ้นไปเก็บภาพมาฝากกัน
ณ ตอนนี้สายข่าวแจ้งว่าทางสวนยางพาราที่เป็นเอกชนนั้นมีประเด็นไม่พอใจเรื่องการจอดรถของนักท่องเที่ยวที่มาชม ว่าสร้างความเดือนร้อนให้เค้า เลยปิดทางเข้า ไม่ให้ผ่านสวนเค้า หวังว่าหลังการเจรจากับทางอุทยานจะได้ข้อยุติโดยเร็วและกลับมาเปิดให้ชมกันอีกครั้งคะ
จบการตามรอยนาคาที่ภูลังกา จ.บึงกาฬ แล้ว รอบหน้าจะพาท่านสมาขิกไปต่อกันที่ภูสิงห์ ชมหินสามวาฬกันคะ